คุณพ่อและคุณแม่ส่วนใหญ่จะเครียดและกังวลใจมาก หากลูกน้อยเป็น
"เด็กกินยาก" ทั้งที่พยายามทุกทาง เพื่อให้ลูกรับประทานอาหาร แต่สุดท้ายก็เป็นผลให้เด็กต่อต้านมากขึ้น ปัญหาก็รุนแรงและเรื้อรังยิ่งขึ้น
โดยปกติจะพบ
"เด็กกินยาก" ในเด็กทั่วไปร้อยละ 3-5 เปอร์เซ็นต์ และมักอยู่ในวัย 1-6 ปี ซึ่งเด็กมักจะมีอาการดังนี้ คือ รับประทานอาหารช้า ชอบอมข้าว หรือร้องไห้อาละวาด บ้วนทิ้ง ไม่ยอมกินข้าว หรืออาเจียนอาหารที่รับประทานเข้าไปแล้วออกมา โดยพ่อและแม่มันจะเคี่ยวเข็น อ้อนวอน คะยั้นคะยอ สี้างเงื่อนไขให้กับเด็ก ให้สินบน หรือบังคับลงโทษด้วยวิธีการต่างๆ
ส่วนใหญ่เด็กจะได้รับอาหารต่อวันในปริมาณที่เพียงพอสำหรับร่างกาย แต่ในกรณีที่เด็กได้รับอาหารน้อยกว่าปกติจะทำให้มีการเจริญเติบโตที่ล่าช้า ดังนั้นเด็กควรได้รับการตรวจประเมิน เพื่อหาและรักษาความเจ็บทางร่างกายและจิตใจโดยละเอียด
วิธีการแก้ไขปัญหาการกินในเด็ก
1. ฝึกเด็กตั้งแต่เริ่มต้น โดย
-
ให้นั่งโต๊ะรับประทานอาหารพร้อมคุณพ่อกับคุณแม่
-
ไม่เปิดทีวีระหว่างรับประทานอาหาร
-
ให้เวลารับประทานอาหารประมาณ 30 นาที ถ้าเด็กไม่รับประทานอาหาร เมื่อหมดเวลาให้เก็บอาหารทันที
-
ตักอาหารให้พอดีไม่มากเกินไป
-
ระหว่างรับประทานอาหารให้พูดคุยแต่เรื่องดีๆ
-
อย่าบังคับให้เด็กรับประทานอาหารหรือลงโทษ เมื่อเด็กไม่รับประทานอาหาร
-
เมื่อเด็กรับประทานอาหารได้ดีให้ชื่นชม หากทำไม่ได้ดีให้เพิกเฉย อย่าตำหนิ
-
งดเว้นการรับประทานอาหารอื่นๆ ระหว่างมื้ออาหาร เช่น นม ขนม หรือของจุบจิบ เป็นต้น
2. ให้แก้ไขสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาการกินในเด็ก ได้แก่
2.1 สาเหตุที่เกิดจากตัวเด็ก ได้แก่
-
เด็กอายุประมาณ 1 ขวบ จะเริ่มพัฒนาความเป็นตัวของตัวเอง และเด็กจะต่อต้านหากถูกบังคับ
-
ปริมาณอาหารมากเกินไป
-
เด็กไม่ชอบรับประทานอาหารสิ่งนั้น เช่น ผัก ไม่ควรบังคับ แต่ควรดัดแปลงอาหารนั้นในรูปแบบต่างๆ แล้วชักชวนให้เด็กลองรับประทาน
-
เด็กขาดความอยากรับประทานอาหารเนื่องจากรับประทานขนมหรือนมระหว่างมื้อแล้ว
-
เด็กมีประสบการณ์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับการรับประทานอาหาร เช่น ถูกบังคับป้อนจนเจ็บปาก หรือบรรยากาศที่ไม่ดีในการรับประทานอาหาร เช่น ถูกดุหรือถุกตี เป็นต้น
-
ขณะที่รับประทานอาหารเด็กมีความเจ็บป่วยทางร่างกาย หรือมีปัญหาทางอารมณ์
2.2 แก้ไขสาเหตุที่เกิดจากพ่อแม่หรือคนเลี้ยงดู
-
ลดความกังวลใจลงบ้างเกี่ยวกับการรับประทานอาหารของเด็ก เช่น กังวลว่าเด็กจะมีน้ำหนักตัวน้อย หรือได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ เพราะความกังวลนั้นส่งต่อไปให้เด็ก ทำให้มีผลต่อการไม่รับประทานอาหารได้
-
ให้เด็กได้มีโอกาสช่วยเหลือตัวเองเกี่ยวกับการรับประทานอาหารบ้าง เช่น ให้เด็กได้เริ่มหยิบอาหารใส่ปากเอง หรือเอาช้อนใส่ปากได้เอง จะหกเลอะเทอะบ้างก็ไม่เป็นไร
3. ปฏิบัติตามข้อ 1 และ ข้อ 2 อย่างสม่ำเสมอหากมีข้อสงสัย สามารถขอคำแนะนำจากกุมารแพทย์ หรือจิตแพทย์เด็กได้
วิธีการป้องกันปัญหาเด็กกินยาก
-
เริ่มให้อาหารเสริมในเวลาที่เหมาะสม (ประมาณ 4 เดือน)
-
ฝึกสุขปฏิบัติในการกินให้เด็กตั้งแต่เริ่มต้น
สรุป
ปัญหาที่เด็กกินอาหารยากเป็นปัญหาที่พบบ่อย ดังนั้นการดูแลและป้องกันปัญหาตั้งแต่เริ่มต้นจะช่วยให้เด็กดีขึ้นได้ มิฉะนั้นอาจเกิดปัญหาต่างๆ ตามมาได้ เช่น ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูก ปัญหาพฤติกรรมก้าวร้าว และปัญหาด้านจิตใจ เป็นต้น เช่น เก็บกด ขี้กังวล
ขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก #หมอมินบานเย็น
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
วิฐารณ บุญสิทธิ. จิตเวชเด็กสำหรับกุมารแพทย์ (ฉบับปรับปรุง). ชวนพิมพ์ : กรุงเทพฯ, กุมภาพันธ์ 2538: 104-109.